หนุ่มดอยกลับบ้านเกิด สร้างแบรนด์กาแฟให้หมู่บ้านตัวเอง (เกษตรก้าวไกลไปด้วยกัน) – มีคลิป
![](https://xn--12cm8chsm8frbf0c1fk.xn--o3cw4h/wp-content/uploads/2019/12/kaset3.jpg)
การก้าวเพื่อสร้างธุรกิจของตนเอง ให้สามารถยืนหยัด สร้างรายได้หล่อเลี้ยงตนเองและครอบครัวได้ตามเป้าหมาย ย่อมต้องมีตำนานเป็นรอยจารึกให้เล่าขานถึงเส้นทางการต่อสู้ในวิธีแห่งธุรกิจ ที่ไม่ได้ง่ายและจะประสบความสำเร็จในเวลาอันรวดเร็ว เหมือนกับ “คมสันต์ จันทร์งาม” เด็กหนุ่มบ้านป่าเหมี้ยง แห่งบ้านเลขที่ 79 หมู่ 7 ตำบลแจ้ซ้อน อำเภอเมืองปาน จังหวัดลำปาง ที่สู้และสร้างธุรกิจกาแฟอย่างไม่ลดละ
“แรกเริ่มก็คั่วเมล็ดกาแฟไหม้บ้าง” “คั่วไม่สุกบ้าง” “ลูกค้าบ่นบ้างหรือซื้อไปแล้วลูกค้าตีกลับบ้าง” คมสันต์ บอกเล่าเรื่องราวในอดีตด้วยรอยยิ้ม
แต่ด้วยแรงฮึดที่ไม่ยอมแพ้เขาจึงนำสิ่งที่ประสบอันสะท้อนมาจากลูกค้าเป็นโจทย์ในการพัฒนาคุณภาพ จนสามารถยกระดับและกลายเป็นที่เชื่อถือของลูกค้า
![เขาล่ะ “คมสันต์ จันทร์งาม” เด็กหนุ่มบ้านป่าเหมี้ยง](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/S__1515527.jpg)
เรียนจบกลับบ้าน เริ่มต้นกับกาแฟ
“หลังจากเข้าไปเรียนที่สายพาณิชย์เชียงใหม่จบ ผมก็ตั้งใจกลับมาบ้าน อยากจะทำอะไรที่บ้านของเราเอง พอดีช่วงนั้นเรื่องของกาแฟสดกำลังได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก ซึ่งสิบกว่าปีที่แล้วในเขตบ้านป่าเหมี้ยงก็มีการปลูกกาแฟกันแล้วแต่ไม่มาก จึงมองว่าเป็นโอกาสที่จะเข้ามาสู่ธุรกิจกาแฟ”
คมสันต์ กล่าวต่อไปอีกว่า ตอนที่เริ่มต้นนั้นอายุประมาณ 22 ปี โดยเริ่มจากการเพาะต้นกาแฟพันธุ์อาราบิก้าแล้วนำไปปลูกเสริม เพราะเดิมในพื้นที่ของที่บ้านนั้นปลูกกาแฟพันธุ์อาราบิก้าอยู่แล้วประมาณ 100 ต้น
“แต่ที่ทำให้ผมมีกำลังใจมาก คือ มีอยู่ปีหนึ่ง ทางโครงการหลวงได้เข้ามารับซื้อกาแฟจากชาวบ้านป่าเหมี้ยง แม่ผมมีกาแฟกะลาที่ทำไว้ประมาณ 9 กิโลกรัม ได้ให้ผมนำไปขาย ได้เงิน 1,000 กว่าบาท รู้สึกดีใจมากเลยครับ ทำให้มีแรงฮึดที่จะเดินหน้าในอาชีพการปลูกกาแฟอย่างจริงจังไม่คิดไปที่ไหนแล้ว”
“เพราะเราทำกาแฟแบบกะลาขายจะได้เงินประมาณกิโลกรัมละ 120 บาท แต่หากทำเป็นกาแฟคั่วขายจะได้เงินถึงกิโลกรัมละ 400 บาทขึ้นไป อันเป็นการเพิ่มมูลค่าให้กับผลผลิตกาแฟของชุมชน” คมสันต์กล่าว
“แต่การเริ่มต้นของพวกเรานั้น ยังขาดทั้งเงินทุนและองค์ความรู้ จึงได้มีการไปขอคำปรึกษาแนะนำจากหน่วยงานต่างๆที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะจากธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส.สาขาเมืองปาน ซึ่งได้ให้ความช่วยเหลือเป็นอย่างดี ไม่ว่าการสนับสนุนให้เกิดการรวมกลุ่มขอขึ้นทะเบียนจัดตั้งเป็นวิสาหกิจชุมชน ต่อมาคือ การสนับสนุนในด้านเงินทุนโดยกู้เงินในนามกลุ่ม”
![หนุ่มดอยกลับบ้านป่าเหมี้ยง สร้างแบรนด์กาแฟให้หมู่บ้าน...ธ.ก.ส.เมืองปานหนุนสุดๆ](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/20191103_083719.jpg)
ธ.ก.ส.เมืองปาน ช่วยเต็มที่
ทั้งนี้ นายพนนิษฐ์ ไหวพินิจ ผู้จัดการ ธ.ก.ส. สาขาเมืองปาน จังหวัดลำปาง หรือที่คนในพื้นที่เรียกขานกันว่า “ผู้การพนา” ได้ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า เนื่องด้วยคนในชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงนั้นจะแม้จะอยู่กันมานาน แต่ก็ไม่มีเอกสารสิทธิ์ในที่ดินทำกินเนื่องจากตั้งหมู่บ้านในเขตพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ดังนั้นจึงทำให้มีปัญหาการเข้าถึงแหล่งเงินทุน เพราะขาดหลักประกัน แต่ทางธ.ก.ส.ก็ให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่ โดยให้ใช้วิธีรวมกันเป็นกลุ่มเพื่อให้สามารถเข้าถึงแหล่งเงินทุนด้วยขอสินเชื่อ
“เราจะดูจากแผนธุรกิจที่เสนอมาว่ามีความเป็นไปได้แค่ไหน ทางกลุ่มมีความพร้อม มีการวางแนวทางการตลาดอย่างไร รายได้รายจ่ายที่จะเกิดขึ้นเป็นอย่างไร หากสามารถตอบในสิ่งที่ต้องการตามแนวทางของธ.ก.ส.ได้ทุกอย่างก็โอเคอย่างรวดเร็ว เราก็จะเข้ามาช่วยกำกับดูแลในการใช้สินเชื่อด้วย เพราะวันนี้ ธ.ก.ส.เราทำงานในเชิงรุก หากอยากทำอะไรขอให้มาปรึกษาเราพร้อมช่วยเหลือให้ข้อแนะนำทุกอย่าง” ผู้การพนา กล่าว
![หน้าร้านออกแบบเรียบง่าย กลมกลืนกับชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/S__1515526.jpg)
คมสันต์ กล่าวอีกว่า ในการดำเนินการขอสินเชื่อจากธ.ก.ส.นั้นทุกอย่างไม่ยาก เพราะได้รับการช่วยเหลือเป็นอย่างดี
“ทาง ธ.ก.ส.ขึ้นมาบนดอยที่บ้านป่าเหมี้ยงเลย มาประชุมร่วมกับชาวบ้าน ให้ข้อแนะนำ สอบถามข้อมูลต่าง ๆ ไม่ว่าแนวทางการดำเนินธุรกิจ เป้าหมาย วิธีการดำเนินงานด้านต่างๆ เรียกว่าช่วยเหลืออย่างดี จนกลุ่มวิสาหกิจชุมชนของบ้านป่าเหมี้ยงสามารถเขียนแผนเสนอขอการสนับสนุนสินเชื่อได้เป็นผลสำเร็จ และทำให้เราสามารถดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายที่วางไว้ได้มาจนถึงวันนี้”
จุดนี้จึงเป็นอีกก้าวของการพัฒนาในการประกอบอาชีพของคมสันต์และคนชุมชนบ้านป่าเหมี้ยงในนามของวิสาหกิจชุมชนกลุ่มแปรรูปกาแฟบ้านป่าเหมี้ยง หมู่ที่ 7 ตำบลแจ้ซ้อน โทร.08-2172-4661
ชูจุดเด่นอาราบิก้าบนเทือกเขา เข้มนุ่มละมุนด้วยการผลิตคุณภาพ
“แต่สิ่งสำคัญที่อยากฝากไว้คือ ต้องไม่กลัวที่จะทำ เพราะอย่างผมนั้นบอกได้เลยว่า เริ่มต้นโดยไม่มีความรู้เกี่ยวกับเรื่องของกาแฟเลยสักนิด แต่ทุกอย่างเราสามารถเรียนรู้ได้ เพราะมีการอบรมมีการแบ่งปันความรู้อยู่ในทุกสถานที่ ไปเรียนรู้แล้วนำมาทำอย่างทุมเทมุ่งมั่น ทำให้จริง แล้วความสำเร็จจะเกิดขึ้นอย่างแน่นอน” คมสันต์กล่าว
สำหรับทุนของการเริ่มต้นในอาชีพการผลิตและจำหน่ายกาแฟ คมสันต์บอกว่า ใช้เงินไปประมาณ 80,000 บาท
ในวันนี้ คมสันต์ ยังคงเดินหน้าในธุรกิจกาแฟ โดยผลิตภัณฑ์กาแฟจำหน่ายภายใต้ชื่อแบรนด์ ซานคอฟฟี่ (ZHUN COFFEE) ราคาจำหน่ายนั้นอยู่ที่ 120 บาทต่อถุง ขนาดบรรจุ 250 กรัม โดยมีให้เลือก 2 ชนิดคือ แบบ Dark Roast และ Medium Roast และยังมีเมล็ดกาแฟคั่วจำหน่ายด้วยในราคากิโลกรัมละ 450 บาท ซึ่งเกษตรกรเจ้าของยืนยันว่าพร้อมบริการจัดส่งให้กับผู้สนใจทั่วประเทศ ขอเพียงให้สั่งซื้อมา
![ผู้มาเยือนท้าพิสูจน์รสชาติกาแฟแบรนด์ ซานคอฟฟี่ (ZHUN COFFEE)](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/messageImage_1580892888708.jpg)
“กาแฟของบ้านป่าเหมี้ยงนั้นถือว่ามีคุณภาพดีมากครับ เพราะเรามีการควบคุมคุณภาพที่แน่นอนเป็นมาตรฐานอีกทั้งยังเป็นกาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าที่ปลูกปลูกบนเทือกเขาระหว่างจังหวัดลำปางและจังหวัดเชียงใหม่ ระดับความสูง 1,000 เมตรจากระดับน้ำทะเลขึ้นไป กาแฟเป็นพืชใต้ร่มไม้ การปลูกกาแฟจึงเป็นการอนุรักษ์อนุรักษ์ธรรมชาติ ชุมชนบ้านป่าเหมี้ยง อยู่ในเขตต้นน้ำลำธารของจังหวัดลำปางจึงไม่สามรถใช้สารพิษ สารเคมีที่เป็นอันตรายได้ อากาศเย็นตลอดปีเหมาะสำหรับปลูกกาแฟอราบิก้า “
“กาแฟบ้านป่าเหมี้ยงจึงเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ รสชาติเข้มข้น หอมละมุน กาแฟบ้านป่าเหมี้ยงเรามีโรงคั่วกาแฟของเราเอง คั่วโดย Roaster ที่มีความรู้ความชำนาญและเป็นผู้ปลูกกาแฟ ผู้รวบรวม แปรรูป และขายเอง จึงเข้าใจในหลักการและเรื่องราวของกาแฟเป็นอย่างดี ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ จึงรับประกันได้ว่ากาแฟบ้านป่าเหมี้ยงเป็นกาแฟที่มีคุณภาพ และปลอดภัยสำหรับผู้บริโภคอย่างแท้จริง” คมสันต์กล่าวเพิ่มเติม
สู้เท่านั้น เพื่อเป้าหมายดังทั่วโลก
คมสันต์ กล่าวอีกว่า แต่กว่าจะก้าวมาได้ถึงวันนี้ ต้องผ่านอุปสรรคมามากมาย ไม่ว่าเสียงสะท้อนจากลูกค้าถึงคุณภาพกาแฟ และการเปิดตลาดใหม่ๆที่ต้องมีการแข่งขันกันสูงมาก
“อย่างโลโก้กาแฟของผม ผมเปลี่ยนรูปแบบมาเป็นสิบๆแบบแล้ว เพราะดูแล้วยังไม่จูงใจลูกค้า จนมาได้โลกโก้ที่ใช้ทุกวันนี้ที่ผมเห็นว่าลงตัว ดังนั้นทุกอย่างต้องมีการปรับเปลี่ยนอยู่ตลอดเวลา เพื่อให้ออกมาดีที่สุด ถูกใจ โดนใจลูกค้ามากที่สุด” คมสันต์กล่าว
เส้นทางการสู้ชีวิตในธุรกิจกาแฟ คมสันต์ได้สื่อให้เห็นว่า ไม่ง่ายแต่ก็ไม่ยาก ขอเพียงให้มีความพร้อม ทั้งในแง่เงินทุน ความรู้เกี่ยวกับเรื่องกาแฟ การตลาด และที่สำคัญคือความตั้งใจจริง
![ซานคอฟฟี่ (ZHUN COFFEE) สู้เท่านั้น เพื่อเป้าหมายดังทั่วโลก](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/S__1515532.jpg)
“วันนี้สำหรับผมแล้วบอกเลยได้ว่า ทุกอย่างดีขึ้นเรื่อยๆกว่าตอนเริ่มต้นมาก เพราะเราสามารถควบคุมเรื่องคุณภาพและรสชาติให้เป็นมาตรฐาน วันนี้ด้านการผลิตสำหรับผมถือว่าลงตัวแล้ว ต่อไปจะรุกเรื่องการสร้างตลาดให้มากขึ้น โดยจะทำเรื่องของ อย. เริ่มทำเรื่องสื่อออนไลน์ รวมถึงออกร้านจำหน่ายในงานอีเวนท์ที่ต่างๆ เพื่อให้ผู้บริโภคกาแฟได้รู้จักแบรนด์บ้านป่าเหมี้ยงและซานคอฟฟี่ให้มากขึ้นกว่าที่เป็นอยู่ ผมทุ่มเทเต็มที่ครับ เพราะเป้าหมายสูงสุดของผมนั่นก็คือการทำให้กาแฟของบ้านป่าเหมี้ยงดังไปทั่วโลก” คมสันต์กล่าวทิ้งท้าย
![มีเครื่องคั่วกาแฟเป็นของตนเองแล้ว](https://www.kasetkaoklai.com/home/wp-content/uploads/2020/02/20191103_101510.jpg)
เรื่อง/ภาพ : ธนสิทธิ์ เกษตรก้าวไกล
https://youtu.be/sCudlytEVXs